พ.ต.ท. อัครพัชร์ ทองศรีวาณิช รองผกก.3 บก.ทท.1. เปิกดเผยว่า จากการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนนี้ได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงนั้น จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาเป็นชายชาวพม่า ทราบชื่อคือ 1. นายโกรด เซาะเพื่อน (Mr.Kroch Sophoeun) อายุ 38 ปี สัญชาติกัมพูชา หมายเลขหนังสือเดินทาง N00512930 (ผู้ต้องหาที่ 1)2. นายเปรน เซาะเกลย (Mr.Pren Sokleng) อายุ 38 ปี สัญชาติกัมพูชา หมายเลขหนังสือเดินทาง N00161868 (ผู้ต้องหาที่ 2) พร้อมกับของกลางเป็น กระเป๋าสะพายสีเขียวยี่ห้อชื่อดัง จำนวน 1 ใบกระเป๋าสตางค์สีดำ จำนวน 1 ใบหูฟังไร้สาย ยี่ห้อ Sennheiser จำนวน 1 อัน หูฟังไร้สาย ยี่ห้อ Sony จำนวน 1 อันไอแพด ยี่ห้อ Apple จำนวน 1 เครื่อง ธนบัตรรัฐบาลไทย จำนวน 11,240 บาทเงินสกุลเยน จำนวน 186,000 เยน รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 100,000 บาท โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง เพราะจำนนด้วยหลักฐาน
ซึ่งพฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้คือ เป็นผู้โดยสารที่นั่งเครื่องบินมาจากกรุงพนมเปญมาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อจะไปพบแพทย์ที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยนั่งมาในที่นั่งแถวเดียวติดกันกับผู้เสียหาย แล้วผู้เสียหายและผู้ต้องหานำกระเป๋าสะพายไว้ในที่เก็บสัมภาระเหนือหัวที่นั่งผู้โดยสาร พอเครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิผู้ต้องหาทั้งสองกลับไม่หยิบเอากระเป๋าของตนเองไป แต่หยิบเอากระเป๋าของผู้เสียหายที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นไปแทน ซึ่งเจ้าตัวทราบดีว่าไม่ใช่กระเป๋าของตนเองเพราะมีการค้นกระเป๋าผ่านเครื่องสแกนและเจ้าหน้าที่ก่อนขึ้นเครื่องไปอุบลฯ แต่ไม่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่ามีการหยิบกระเป๋าผิดไปแ ละจงใจนำเอาไปเป็นทรัพย์สินของตนเอง จนกระทั่งติดตามจับกุมตัวได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้ง ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในท่าอากาศยานฯ นำตัวทั้งสองส่งพนักงานสอบสวนสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนทรัพย์สินทั้งหมดยังอยู่ครบ เจ้าหน้าที่ได้ส่งคืนผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นทันที เพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวที่พัทยา ซึ่งผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นออกมาขอบคุณและกล่าวความในใจประทับใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวและความรวดเร็วของเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะศูนย์ CCTV ที่ช่วยติดตามจนพบคนร้ายและตามจับกุมตัวได้อย่างรวดเร็ว
Comments